หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
“SET ถูกกดดันจากสงครามการค้า แต่คาดค่อยๆรีบาวด์”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ดิ่งแรง -18.72 จุด ปิดที่ 1665.99 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 48.5 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับลงสอดคล้องกับเพื่อนบ้าน จากข่าวทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจีน ส่วนเงินหยวนจีนกลับมาอ่อนค่า จึงทำให้กังวลสงครามการค้า ส่วนเฟดก็ไม่แน่ใจจะปรับลดดอกเบี้ย ก.ย.หรือไม่ ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 3.7พันล้านบาทและโบรกเกอร์ซื้อเล็กน้อย ขายสุทธิเป็นต่างชาติ 2.7 พันล้านบาท สถาบัน 1.3 พันล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเป็น 52.7 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: กังวลสงครามการค้าเพิ่ม หลังจีนปล่อยเงินหยวนอ่อนค่า โดยรวมยังค่อนไปทางลบ สหรัฐกล่าวหาจีนปั่นค่าเงิน ติดตามมาตรการที่จะทยอยออกมาตอบโต้กัน ล่าสุดจีนจะไม่นำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ดาวโจนส์ น้ำมัน ร่วงแรง ทองคำปรับขึ้นสูง เพื่อนบ้านเช้านี้ปรับลงถ้วนหน้า แต่มีรีบาวด์บ้าง ดัชนีความกังวลพุ่งไปถึง 24.59 จุด เช้านี้ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้ายังปรับลงต่อ ส่วนเฟดจะมีการประชุม 22-24 ส.ค. ก่อนจะมีการประชุม FOMC ก.ย.62 ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งหรือไม่ส่วนไทย รัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือน ส.ค.นี้ เน้น เพิ่มกำลังซื้อ และท่องเที่ยว ด้านผลประกอบการออกมาต่อเนื่อง ADVANC ดีกว่าคาด แต่ IPPC ตามคาด
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาสปรับลง ยังกังวลสงครามการค้า หลังจีนปล่อยเงินหยวนอ่อนค่า คาดว่าหลักทรัพย์ที่ได้รับผลลบคือ ภาคการส่งออก หลักทรัพย์มีแนวโน้มยังไม่สดใส ต้องระมัดระวังคือ ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์ และสายการบิน กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม รอจังหวะอ่อนตัว แนวรับที่ 1670-1660 จุด แนวต้านเป็น1690-1700 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4 เท่า (Median+1 SD) กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น DomesticPlay แต่รออ่อนตัวได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK,STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANCไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH
# Stock Pick Today : TU คาดการณ์กำไรหลัก 2Q62 เป็น 1.5 พันล้านบาท (+51%YoY, +40%QoQ) เพราะมาร์จิ้นดีขึ้น ทั้งนี้แม้ว่ารายได้จะอ่อนลงเพราะบาทแข็ง แต่ราคาวัตถุดิบทูน่าลดลง 38%YoY (ใน 1Q61 ลดลง 25%YoY) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 16.1% ใน 2Q62F จาก 13.8% ใน 2Q61 และจาก 14.9% ใน 1Q62 มีการตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงานตามกฎหมายใหม่ใน 2Q62F ประมาณ 200 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายจะเป็น 1.3 พันล้านบาท แต่ก็ยังเติบโตแข็งแกร่ง YoY คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 20.80 บาท ซึ่งอิงกับ P/E ปีนี้ที่ 17 เท่า (-0.5SD) การที่เงินบาททยอยอ่อนค่า ก็จะทำให้รายได้สกุลบาทปรับตัวดีขึ้น
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบต่อ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (และถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่เพราะลงแรง,เร็ว (มีแรงหนุน“สภาวะOversold + Divergence” ในกราฟรายนาที) จะช่วยให้มีลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน (กรณีดีดตัวขึ้นก่อน) 1670 – 1680 (หรือ 1690) จุด {แนวรับย่อย “1660 – 1650”จุด} สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ UTP หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ SCC,COM7,BBL,KBANK หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ CPALL,EKH,PTG หุ้นที่ควร Take Profit คือ ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
 
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 226.00)
IRPC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 5.30)
PTT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 53.00)
SC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.11)
New Listing : DOHOME
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สงครามการค้า : จีนปล่อยเงินหยวนอ่อนตัว ตอบโต้สหรัฐ
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความกล่าวหาจีนว่ากำลังปั่นค่าเงิน หลังจากที่หยวนทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยค่าเงินหยวนในตลาดการเงินของจีนดิ่งลงแตะระดับ 7.04 เทียบดอลลาร์
# อย่างไรก็ดี นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้าทั้งนี้ เว็บไซต์ของธนาคารกลางจีนระบุว่า จีนจะไม่ลดค่าเงินหยวนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า โดยจีนจะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ และดำเนินนโยบายปริวรรตเงินตราที่มีความต่อเนื่อง
# ขณะเดียวกัน สื่อรายงานว่า รัฐบาลจีนได้สั่งให้บริษัทของรัฐระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ถึงแม้จีนได้ทำข้อตกลงกับสหรัฐในเดือนมิ.ย.ในการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐก็ตาม
 
-สหรัฐ: กล่าวหาว่าจีนเป็นผู้ปั่นอัตราแลกเปลี่ยน
# สิ่งที่ต้องติดตามจากนี้ไปคือ มาตรการทางการเงินต่างๆ ที่สหรัฐและจีนจะเพิ่มเติมออกมาอีก เพราะจะทำให้ให้เศรษฐกิจโลกยิ่งชะลอลงไปอีก โดยเฉพาะไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทาน และอยู่ใน Emerging Maket ที่จะถูกถอนออกไปก่อนเมื่อความเสี่ยงในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
 
-/• เฟด: ติดตามการประชุม 22-24 ส.ค.62
# เฟดจะมีการประชุมเพื่อตัดสินใจจะลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในเดือน ก.ย.62 นี้ แต่ก่อนหน้านั้นคือ 22-24 ส.ค.จะมีการประชุมย่อยที่เมืองแจ็คสันโฮม ทำให้นักลงทุนติดตามว่าจะส่งสัญญาณไปในทิศทางใด
 
- ดาวโจนส์: ปรับลงลึก กังวลสงครามการค้าจะบานปลาย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,717.74 จุด ดิ่งลง 767.27 จุด หรือ -2.90% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,844.74 จุด ลดลง 87.31 จุด หรือ -2.98% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,726.04 จุด ลดลง 278.03 จุด หรือ -3.47%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีและประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ เพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐที่ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก3 แสนล้านดอลลาร์
 
- น้ำมัน: ปรับลง กังวลสงครามการค้าจะกระทบอุปสงค์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 54.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 3.36% ปิดที่ 59.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.9% เมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
 
• ทองคำ: ทะยาน เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 19 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่1,476.5 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 700 จุด ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ
 
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/• รัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นแพคเกจใหญ่ภายในเดือนสิงหาคมนี้
# รมว.คลัง เผยเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นแพคเกจใหญ่ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยหวังจะส่งผลให้เศรษฐกิจเป็นบวก โดยมาตรการที่จะออกมาจะเน้นดูแลคนทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับฐานราก ทั้งเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ผู้ค้าขายในระดับชุมชุม รวมถึงผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย หรือกลุ่มสตาร์ทอัพ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภาพรวม ไม่ใช่เฉพาะในเมืองรอง
 
+ กระทรวงอุตสาหกรรมจะหารือกับ ธปท.ชะลอบาทแข็ง
# รมว.อุตสาหกรรม เผยเร็วๆ นี้จะนัดหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาแนวทางที่จะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็งของภาคอุตสาหกรรม โดยมองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์
 
+ นักลงทุนญี่ปุ่นมองเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีนี้ดีกว่าครึ่งปีแรก
# นักลงทุนญี่ปุ่นมองเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีนี้ดีกว่าครึ่งปีแรก ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาในช่วงที่ผ่านมามีข้อกังวล 3 เรื่อง คือ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
 
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!